WP ENERGY INVISIBLE TASTE

เคยสงสัยไหมว่าถ้ามองไม่เห็นแล้วจะทำอาหารได้ยังไง?’
นี่คือเรื่องราวของผู้พิการทางสายตาคนหนึ่งที่จะคลายข้อสงสัยนี้ จนอาจจะทำให้คุณกล้าเอาชนะความท้าทายและอุปสรรคในชีวิตได้เช่นเดียวกันกับเขา…
เมื่ออยู่ ๆ โลกที่เคยสดใสของเด็กคนหนึ่งกลับมืดสนิทลง วัยเด็กของเขาจึงแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
เพราะในขณะที่มือของเด็ก ๆ หลายคนกำลังจับของเล่น มือของเขากลับเต็มไปด้วยของสดและวัตถุดิบจากตลาด ขณะที่เด็ก ๆ ในวัยเดียวกันกำลังเล่นซนและสนุกอยู่กับเพื่อน ๆ เขากลับอยู่ในครัว ก้มหน้ารับคำสั่ง และได้แต่ฟังเสียงบ่นของแม่
แต่เรื่องราวและประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กก็ทำให้ผู้พิการทางสายตาคนหนึ่ง เลือกเดินออกจากความกลัว ฝึกฝน และพัฒนาตัวเอง ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสในการทำอาหาร จนทุกวันนี้เขาได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ และส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ไม่รู้จบ แต่คงจะก้าวข้ามบททดสอบอันยิ่งใหญ่นี้ไปไม่ได้ หากไม่มีสายตาที่คอยเฝ้ามองด้วยความห่วงใย พลังที่คอยเติมเต็มและเคียงข้างจากผู้เป็นแม่และคนรอบข้างตลอดมา…
BEHIND THE SCENE
กว่าเรื่องราวของเขาจะถูกนำเสนอออกมาผ่านการแสดงอย่างที่เราได้เห็นกัน ด้วยการนำเอาทุกชีวิตทั้งนักแสดง ทีมงาน รวมถึงตัวคุณตั้มเอง กลับไปสู่สถานที่จริงที่ใช้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ทั้งฉากที่ใช้ถ่ายทำในระแวกบ้าน รวมไปถึงท่าเรือท่าฉลอม และตลาดมหาชัยที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยิ่งเพิ่มความรู้สึกร่วมให้กับนักแสดงและทีมงานทุกคนในการบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความประทับใจ ให้มีรายละเอียดออกมาได้ใกล้เคียงกับเรื่องจริงมากที่สุด

เรารับรู้ความสุขกันผ่านทางไหน
ตา หู จมูก ปาก หรือสัมผัส ?
ที่ว่ามานั้น ไม่มีเลย เพราะเรารับรู้ความสุขผ่านทางใจ แม้ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดี
ก็ยังไม่อาจก่อให้เกิดความสุขได้ ถ้าใจยังไม่มีสุข
ใจที่มีสุขนั้นสามารถส่งต่อจากหนึ่งคนไปสู่อีกคนได้ เหมือนอย่างที่ คุณตั้ม – กฤษดา เกียรติก้องทวี
ผู้ที่รักในการทำอาหาร จนสามารถสอนเทคนิคการทำอาหารให้ผู้พิการรวมถึงบุคคลทั่วไปได้
จากประสบการณ์ และความรู้ที่เขาสั่งสมมาตลอดชีวิต
แม้จะสูญเสียการมองเห็น อาหารรสมือของคุณตั้มได้ส่งมอบบางสิ่งที่มากกว่าความอร่อย
นั่นคือ แรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดพลังแห่งความกล้าหาญ และการแบ่งปัน แม้เราจะต่างกันในที
แต่รสชาติของความสุขนั้นเหมือนกันอย่างไม่ต้องประหลาดใจ
“ปลาหมึกต้มส้มยัดไส้หมูสับ” เมนูง่าย ๆ ที่กลับอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อถูกปรุงจากหัวใจของ “ผู้ให้” ที่ส่งมอบทั้งพลัง ความสุข และแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย
การที่คุณตั้มได้เปลี่ยนผันจากผู้รับมาเป็นผู้ให้ คือการสอนผู้อื่นให้ทำอาหาร เรื่องราวตรงนี้ทำให้เขาเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น เข้าสังคมและพูดคุยกับผู้อื่นได้มากขึ้น มีการเรียนรู้เกิดขึ้นมากมาย จนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า การเป็นผู้ให้นั้นเหมือนได้รับความสุขสองต่อจริง ๆ
และสิ่งสำคัญคือการมีผู้ที่คอยอยู่เคียงข้าง ส่งต่อให้หนึ่งพลังสามารถสร้างได้อีกหลายแรงบันดาลใจ ก่อให้เกิดเป็นรสชาติของการแบ่งปันและรอยยิ้ม ที่สามารถส่งต่อเป็นพลังแห่งความสุขได้ในที่สุด


สำหรับผู้พิการทางสายตาเรื่องง่าย ๆ อย่างการจับมีดนั้น ก็ต้องมีเทคนิคคือ จะไม่ยกมีดสูงจนเกินไป เพราะถ้าสูงเกินไปโอกาสที่จะผิดก็มีเยอะขึ้น หรือการจัดเรียงวัตถุดิบเป็นวงกลม และใช้การจดจำแบบเข็มนาฬิกาเข้ามาช่วย นอกจากนั้นยังต้องใช้สัมผัสจากมือ และร่างกายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการดมกลิ่น หรือใช้หูช่วยในการฟังเสียงน้ำเดือด เป็นต้น
แม้ว่าที่กล่าวมานั้นจะดูยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้
ครั้งแรกที่ลองมีใครบ้างที่ไม่เคยพลาด เช่นเดียวกันกับคุณตั้ม กว่าจะเชี่ยวชาญจนมาถึงวันนี้ เส้นทางที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ทุกอย่างคือการฝึกฝน
เพราะฉะนั้นแล้ว “การให้” ตัวเองนั้น คือจุดเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็น “ให้ตัวเองได้ผิดพลาด” “ให้ตัวเองได้เรียนรู้” “ให้ตัวเองได้ทดลอง” และ “ให้ตัวเองได้มีประสบการณ์” โดยจุดเริ่มต้นของการให้ของคุณตั้มนั้นมาครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้าง
เรื่องราวการทำอาหารของ “คุณตั้ม” เริ่มต้นขึ้นในร้านข้าวแกงของครอบครัวในฐานะลูกมือ ที่แม่เป็นคนสั่งสอน เคี่ยวกรำจนถึงวันที่คุณตั้มสามารถจะนำเรื่องราวของตนมาดัดแปลงให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และถ่ายทอดออกมา เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตาก็สามารถทำอาหารได้เช่นกัน
ปัจจุบันนี้ แม้ว่าคุณตั้มจะเสียประสาทการรับรู้ไปหนึ่ง แต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วยการใช้ประสาทอื่น ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องและถูกวิธี
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ว่า คือ Echolocation โดยวิธีการคือการใช้เสียงเป็นตัวสะท้อนขนาด ระยะทาง หรือวัสดุที่แตกต่างกัน เป็นวิธีที่มีหลักการเหมือนระบบโซนาร์ที่ค้างคาว หรือโลมาใช้กัน เป็นองค์ความรู้ที่ใช้พัฒนาศักยภาพผู้พิการได้อย่างก้าวหน้า ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้
